02 มกราคม 2553

สวัสดีปีใหม่ 2553

เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2553
ขออราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก
ขอจงได้โปรดดลบันดาลและประทานพรให้ทุกๆ ท่าน
ประสบแต่ความสุข ความเจริญ ถึงพร้อมด้วยจตุรพิธพรชัย
อายุ วรรณะ สุขะ พละ ประสบความสำเร็จในสิ่งที่พึ่งปรารถนาทุกประการ

09 กันยายน 2552

จากไทยเข้มแข็งสู่ไทยอ่อนแอ

จากไทยเข้มแข็งสู่ไทยอ่อนแอ

โครงการ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิ่งกดปุ่มปล่อยเงิน 2 แสนล้านบาท ไปเมื่อวันศุกร์ ที่แล้ว เม็ดเงินกระจุกตัวอยู่แค่ 4 กระทรวงหลัก ของ สองพรรคการเมืองใหญ่ ถูกนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ กลุ่มโพลิซี วอช ค่ายธรรมศาสตร์ ผ่าแผนออกมาวิเคราะห์ ชี้ให้เห็นจุดอ่อนเต็มไปหมด แถมยังไร้ ภูมิคุ้มกันอีกต่างหาก

เป็นการวิเคราะห์เนื้องานล้วนๆ ซึ่งผมขอชื่นชมไว้ตรงนี้ ไม่ใช่วิเคราะห์ เพื่อสอพลอนักการเมืองคนใด เหมือนนักวิชาการมีปลอกคอในช่วงที่ผ่านมา

คุณปัทมาวดี ซูซูกิ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ชี้ว่า ตาม แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข้ง ที่รัฐบาลวางไว้ อาจทำให้ประเทศมีความเสี่ยง และไม่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะต่อไป เพราะ ไม่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการขยายตัวเศรษฐกิจจากภายในประเทศ

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคต ยังต้องพึ่งการส่งออกและ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก เมื่อครบ 3 ปี เม็ดเงิน 1.43 ล้านล้านบาท จากโครงการไทยเข้มแข็งหมดไปแล้ว แต่โครงสร้างเศรษฐกิจไทยก็ยังเหมือนเดิม (ต้องพึ่งการส่งออกร้อยละ 70 ของจีดีพี) รัฐบาลใน อนาคตอาจไม่มีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้ก้อนมหาศาลที่รัฐบาลนี้กู้มาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

การวิเคราะห์ของ อาจารย์ปัทมาวดี ผมเห็นว่า เป็นการวิเคราะห์ที่ตรงเป้า นี่คือสิ่งที่ "ซ่อนเร้น" ไว้ในโครงการเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง 1.43 ล้านล้านบาท นอกจากแผนจะหลวมแล้ว หลายคนสงสัยว่าจะเป็นรายการ "แบ่งเค้ก" เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางการเงินให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล หรือสร้างความเข้มแข็งให้คนไทยกันแน่ เพราะโครงการที่ใส่เงินลงไปนับล้านล้านบาท ล้วนเป็นการสานต่อโครงการเก่า โครงการใหม่มีน้อยมาก

แต่ที่แน่ๆก็คือ คนไทยส่วนใหญ่ จะตกอยู่ในสภาพ อ่อนแอต่อไป โดยเฉพาะ "เกษตรกร" และ "ภาคการเกษตร" ที่รัฐบาลจะลงทุนหลายแสนล้านบาทภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งเอา "น้ำ" และ "ถนนไร้ฝุ่น" เข้าไปให้เกษตรกร

เรื่องนี้ผมเคยเขียนไปวันก่อนว่า รัฐบาลเอาถนนเอาความเจริญเข้าไปในชนบท เอาความฟุ่มเฟือยต่างๆเข้าไปให้ แต่ไม่เอา "ความรู้" ไม่เอา "วิธีการเพิ่มผลผลิต" ไม่เอา "พันธุ์พืชใหม่ๆ" เข้าไปให้ ทำให้ "เกษตรกร" ต้องตกอยู่ในสภาพยากจนเป็น "รากหญ้า" ต่อไปชั่วนาตาปี ไม่มีโอกาสที่จะเจริญเติบโตขึ้นมาเป็น "ต้นหญ้า" ที่เขียวขจีได้

เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ของ อาจารย์ปัทมาวดี ที่บอกว่า งบลงทุนในชุมชน 60,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กที่ไม่มีการบูรณาการต่อเนื่องกัน การพัฒนาสินค้าโอทอปก็ไม่มี (นอกจากขยันจัดงานโอทอปเพราะส่วนแบ่งกันเองเยอะดี) งบชลประทาน 200,000 ล้านบาท ก็เป็นงบเพิ่มเติมในพื้นที่ชลประทานอยู่แล้ว แต่ งบเพิ่มพื้นที่ ชลประทานใหม่มีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็ก (เห็นหรือยังว่าเป็นงบใครเข้มแข็งกันแน่)

แต่ งบเพื่อการวิจัยและพัฒนา เพื่อ เพิ่มผลผลิตภาคการเกษตร และ ต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ไม่เห็นมีในแผนไทยเข้มแข็งฉบับนี้

ดูแล้วก็สรุปผลได้ไม่ยาก เมื่อครบสามปีตามแผนไทยเข้มแข็ง คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังอ่อนแอต่อไป แต่คนที่จะเข้มแข็งจริงๆจากงบไทยเข้มแข็ง 1.43 ล้านล้านบาทก็คือ นักการเมืองใหญ่ซีกรัฐบาล ที่แบ่งเค้กโครงการกันไป

แล้วทิ้งหนี้ก้อนโต 1.43 ล้านล้านบาทให้คนไทยใช้หนี้ ซึ่ง ดร. พรายพล คุ้มทรัพย์ วิเคราะห์ชัดเจนว่า รัฐบาลจะมีเงินเพียงพอในการใช้หนี้ เศรษฐกิจไทยต้องโตอย่างน้อยปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป แต่ รัฐบาลคาดว่าจะโตแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เห็นทีคนไทยอาจต้องเจอวิกฤติรอบใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้า จบโครงการไทยเข้มแข็ง ประเทศไทยก็อ่อนปวกเปียกทันที.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน 2552
http://www.thairath.co.th/content/pol/31921

08 กันยายน 2552

คำสัมภาษณ์ พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร รายการเอ๊กคลูซีฟ




คำสัมภาษณ์ พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร รายการเอ๊กคลูซีฟ โดย คุณ จอม เพชรประดับ ทาง FM 100.5 MHz

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ออกอากาศทางวิทยุอสมท. คลื่น 100.5 เมกกะเฮิร์ต ในรายการเอ๊กคลูซีฟ ดำเนินรายการโดยนายจอม เพชรประดับ
โดย ผู้ดำเนินรายการได้สอบถามถึงการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ได้นำเงินจากที่ใดมาดำเนินกิจการเหมืองเพชร หรือมีการฟอกเงินไว้ในรัฐบาลที่แล้ว โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “หลังจากที่ตนออกจากประเทศไทย ก่อนปฏิวัติ มีคนลือว่า ตนขนเงินออกมา 30 กระเป๋าเดินทาง ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีใครทำได้ ขอให้อย่าหลงประเด็น อย่าหลงเชื่อกลุ่มคนที่ปล่อยข่าว หากจำได้ ก่อนหน้านี้ตนเคยซื้อทีมฟุตบอล แล้วก็ขายทีมฟุตบอลแล้วนำผลกำไรมาลงทุนเหมืองเพชร”

ผู้ดำเนินรายการถามว่า มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกอายัดเงินที่ประเทศอังกฤษ
พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า “ตน ไม่มีเงินฝากที่ประเทศอังกฤษ ทั้งหมดเป็นการปล่อยข่าวทำร้ายกัน เมื่อขายทีมฟุตบอลได้เงินมาจำนวนหนึ่งก็เพียงพอจะลงทุนในเหมือง เพราะราคาเองก็ไม่ได้สูงมากมายอะไร”

เมื่อถามว่า การที่ท่านเดินทางเข้าประเทศต่างๆนั้น ต่างประเทศรู้สึกกระอักกระอ่วนใจบ้างหรือไม่
พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า “เขาไม่กระอักกระอ่วนตน แต่เขากระอักกระอ่วนรัฐบาลไทยมากกว่า เขามีอธิปไตยในดินแดนของเขาจะให้ใครอยู่หรือจะให้ใครไปมันเป็นสิทธิ์ของเขา แต่รัฐบาลไทยทำจดหมายถึงทุกประเทศต่างประเทศเขาบอกเขารำคาญ และก็ยังบอกอีกว่าเขารำคาญรัฐบาลไทยยังไม่ต้องมาประเทศเขาก็ดี”

เมื่อถามว่า มีประเทศใดที่เขาบอกว่าท่านไม่ทำตามคำสั่งศาลหรือไม่
พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า “ไม่มี เขาเห็นคำพิพากษากรณีที่ดินรัชดาเขาก็ขำแล้ว มีอย่างที่ไหนคนซื้อไม่ผิดคนขายไม่ผิด แต่มันตลกตรงที่นายกฯเอาบัตรประชาชนไปรับรองให้เมียซื้อที่ดินเขาบอกผิด แต่ที่บุกรุกที่ดินป่าสงวนไม่เป็นไร การเมืองไทยตอนนี้มุ่งแต่ทำลายฝ่ายตรงข้าม”

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าท่านมีเครื่องบินส่วนตัวมีบอร์ดี้การ์ดชั้นดี
พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า “ตนไม่มีเครื่องบิน บอร์ดี้การ์ดก็ไม่มี ผมไม่กลัว เกิดมาหนเดียวตายหนเดียว เรื่องอย่างนี้ผมโดนมาไม่รู้กี่รอบแล้ว ไม่เป็นไร”

เมื่อถามว่าจะหันมาร่วมมือกันเพื่อสร้างความสมานฉันท์ปรองดองได้หรือไม่
พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า “ผมพร้อมเจรจากับทุกคน คิดดูขนาดคนอย่างคุณจอมยังติดต่อผมได้ แล้วคนที่มีอำนาจในประเทศจะติดต่อผมไม่ได้หรือ ขนาดคนขับแท็กซี่ ตำรวจชั้นผู้น้อยยังมีเบอร์ผม โทรมาผมผมก็คุยผมคุยกับทุกคน แต่คนเดียวที่ไม่มีเบอร์ผมก็คือ คนในทำเนียบรัฐบาล ยืนยันผมคุยกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นนายกฯหรือรองนายกฯแม้ว่าจะหน้าดำผมก็คุย”

เมื่อถามว่า หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โทรมาหาท่านขอความร่วมมือให้ท่านหยุดเคลื่อนไหวแล้วทุกอย่างจบ
พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า “จะร่วมมือกันอย่างไรบอกมา ตนยินดี จะให้ทำอะไร และรัฐบาลต้องบอกว่าจะทำอย่างไรด้วยเพื่อให้เกิดความปรองดองทุกฝ่าย ไม่ใช่ปรองดองเพียงฝ่ายเดียว ต้องหาจุดร่วมที่เหมาะสมด้วย”

เมื่อถามว่า หากนายกฯบอกว่าท่านต้องกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน
พ.ต.ท. ทักษิณ กล่าวว่า “ต้องถามว่ากระบวนการตอนนี้มันยุติธรรมจริงหรือไม่ และจะกำหนดความยุติธรรมอย่างไร ตนเชื่อว่า ศาลส่วนใหญ่ยุติธรรม แต่ก็มีบางส่วนเท่านั้นที่ถูกแทรกแซง และนายอภิสิทธิ์ก็เข้าไปแก้ไขตรงนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่รัฐบาลที่มีอิสระอย่างแท้จริง แต่มีคนที่มีอิสระเหนือรัฐบาลเข้าไปแทรกแซง ที่จริงเรื่องที่ถ้าบ้านเมืองมีความสมดุล มีการถ่วงดุลที่ดีบ้านเมืองจะเดินไปได้ แต่ที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะเพียงต้องการจะล้มตนเท่านั้น ที่จริงเมื่อครั้งนั้นถ้าพูดกับผมดีๆ บอกให้หยุด ให้เลิกเพราะชนะมากไปแล้ว ก็หยุดก็จะวางมือ ไม่ใช่ว่าตนอยากจะอยู่ เพียงแต่ว่าต้องการทำภารกิจที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้น ตอนนี้ตนอยู่เมืองนอกก็มีความสุขดี ไม่มีความเครียดอะไร มีคนหาว่าตนไปทำคลีโม แต่หน้าตนตอนนี้ใสมาก”

ที่มา http://www.matichon.co.th/
http://thai.thaksinlive.com/2009/09/now/267?lang=th

26 กรกฎาคม 2552

พระบารมีปกเกล้าฯ

วันนี้ 26 กรกฎาคม 2552

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ครอบครัวของเรา เข้าเฝ้าฯ เป็นการส่วนพระองค์ ณ วังสระปทุม ในโอกาสครบรอบสมรสพระราชทาน 10 ปี (26 กรกฎาคม 2542)

วันนี้แอมกับคิวร่วมเข้าเฝ้าฯ ด้วย หลังจากคิวสอบติดเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ

อาจารย์ประพจน์ (คณบดีอักษรศาสตร์จุฬาฯ) กระเซ้าเรื่อง นิสิตใส่กางเกง/กระโปรง เอวต่ำเป็นแฟชั่น

นิวกราบบังคมทูลว่า "พ่อบอกให้ดึงเอวกางเกงขึ้นอีก แต่ลูกไม่ยอม ลูกบอกไม่ใช่เด็กเนิร์ส"

สมเด็จพระเทพฯ ทรงสงสัยว่าเด็กเนิร์สเป็นอย่างไร

อจ.ประพจน์ เป็นคนถวายคำอธิบายว่าเด็กเนิร์สคืออะไร

สมเด็จพระเทพฯ ทรงรับสั่งถามแอมว่า "เรียนอยู่ปีไหนแล้ว เรียนทำฟันหรือยัง"

21 กรกฎาคม 2552

พระราชดำรัส สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก



วันนี้ขออัญเชิญ พระราชดำรัส สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระบิดาแห่งการสาธารณสุขไทย


ไว้เป็นเครื่องเตือนใจบุคคลากรทางการแพทย์โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน อย่าฉกฉวยโอกาสคิดค่ายาค่ารักษาโรคหวัด 2009 จากประชาชนมากจนเกินไป


ขอให้จดจำพระราชดำรัสไว้ให้ขึ้นใจ


โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ก็ควรจะยิ่งต้องปฏิบัติตามพระราชดำรัสอย่างเคร่งครัด ไม่เอาแต่เงินนะท่าน ผอ.


แผนที่ไปร้าน "บ้านพี่เล็ก"


ไปร้าน "บ้านพี่เล็ก" ไปไม่ยากครับ

จากถนนศรีนครินทร์ เลี้ยวตรงแยกศรีนครินทร์ตัดกับอุดมสุข แยกนี้มีสะพานลอยครับ

เป็นสะพานลอยรถข้ามแยก ตามแนวถนนอุดมสุข

เลี้ยวขวา เข้าซอยเฉลิมพระเกียรติ 9 ก่อนถึงซอย 9 สังเกตมีปั๊มบางจาก ถัดจากปั๊มก็เป็น TOP Market

เลี้ยงเข้าซอยไปร้อยเมตร จะเป็นทางแยก ให้เลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวซ้ายตามถนน ตรงเข้าไปอีกประมาณ 200 เมตรก็ถึงร้าน อยู่ทางซ้ายมือครับ

หาไม่ยากครับ

12 กรกฎาคม 2552

วิธีหยุดการระบาดไข้หวัด 2009

วิธีหยุดการระบาดไข้หวัด 2009 โดยไม่ต้องหยุด ไม่ต้องปิด ให้วุ่นวาย
ต้องมีมาตรการการควบคุมผู้ป่วย ผู้แพร่เชื้อ
เพราะผู้ป่วย ผู้ที่เพิ่งจะหายป่วย จะเป็นผู้ที่แพร่เชื้อ
หากไม่ควบคุมผู้ป่วย ผู้ที่เพิ่งจะหายป่วย ก็จะแพร่เชื้อออกไปอีก
การแพร่เชื้อจะกระจายอย่างรวดเร็ว จาก 1 เป็น 10 หรือ 20 หรือ 100 หรือมากกว่า ไม่ใช่ 1 เป็น 2

ทำอย่างไร ?
ทำได้โดย
ประการแรก รัฐบาลต้องรับผู้ป่วยไข้หวัด ทั้งไข้หวัดธรรมดา และไข้หวัด 2009 ทั้งหมดไว้รักษาตัวในโรงพยาบาลทันที
รัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ทุกโรงพยาบาลที่มีความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วยต้องรับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทันที
คัดแยกผู้ป่วยไข้หวัดออก และต้องคัดแยกผู้ป่วยไข้หวัด 2009 ออกมาให้ได้โดยเร็ว
เมื่อผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล ก็เท่ากับสามารถควบคุมผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ ไม่ให้ออกไประบาดแพร่เชื้อในที่สาธารณะได้ส่วนหนึ่ง
หากสามารถรับผู้ป่วยผู้ติดเชื้อไข้หวัด 2009 ไว้ในโรงพยาบาลได้ทั้งหมด ก็เท่ากับ ผู้ป่วยผู้ติดเชื้อและผู้แพร่เชื้อ จะอยู่ในการควคุม
รัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
รับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสัก 5-7 วัน รอจนหายป่วย พ้นระยะแพร่เชื้อก่อน จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้
สำหรับผู้ป่วยที่ตรวจแล้วไม่ใช่ผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัด 2009 ให้รับรักษาตัวในโรงพยาบาลขั้นแรก เมื่ออาการดีขึ้นอนุญาตให้กลับบ้านได้
แต่ควรให้ไปพักอยู่ที่บ้านอีก 7 วันก่อนไปทำงาน หรือไปเรียน

ประการที่สอง เพื่อสนับสนุนและให้ผู้ป่วยผู้ติดเชื้อมาโรงพยาบาลโดยเร็ว รัฐบาลต้องประกาศให้บุคคลเหล่านั้นมาโรงพยาบาลทันที แม้จะมีอาการเล็กน้อย
ให้มาโดงพยาบาลทันที ประกาศให้ชัดเจนว่ารัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ประกาศให้ผู้ป่วยไข้หวัดที่มารักษาตัว ไม่ถือว่าเป็นวันลา ไม่ถือว่าขาดราชการ
ต้องจำไว้ให้ดีว่าข้อนี้ ต้องการให้ผู้ป่วยมารักษาตัวที่โรงพยาบาลทันทีที่มีอาการ แม้จะมีอาการเพียงเล็กน้อย ก็ต้องรีบรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล
เพื่อควบคุมตัวผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อโดยเร็ว

ประการที่สาม ผู้ป่วยที่หายแล้ว อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ต้องหยุดอยู่บ้านอีก 7 วัน เพื่อป้องกันการไปแพร่เชื้อ เพราะไม่แน่ว่าเชื้อตายหมดแล้วหรือไม่
นายแพทย์สมบัติ (โรงพยาบาลพญาไท) กล่าวว่า "ผู้ป่วย ต้องรับผิดชอบต่อสังคม"

อีกประการหนึ่ง รัฐบาลต้องให้ประชาชนทั่วไประมัดระวังตนเองให้มากขึ้น ด้วยการใช้หน้ากากปิดปากปิดจมูกเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ล้างมือบ่อยๆ

การดำเนินการเหล่านี้ รัฐบาลต้องรีบดำเนินการโดยเร็ว หากชักช้าปล่อยให้ระบาดไปอีก จะควบคุมสถานการณ์ได้ยาก จนไม่สามารถควบคุมได้
รัฐบาลต้องดำเนินการโดยเร็ว

วิธีควบคุมนี้ ยังพอใช้ได้ในสถานการณ์ขณะนี้ หากช้าไปอาจต้องปิดประเทศ ประกาศสภาวะฉุกเฉิน ตายอีกเป็นพันแน่