07 เมษายน 2552

23 มีนาคม บนเส้นทาง ซูริค-ชาฟฟ์เฮาเซน-สไตน์อัมไลน์-ลูเซิร์น


บนเส้นทาง ซูริค-ชาฟฟ์เฮาเซน-สไตน์อัมไลน์-ลูเซิร์น

ขอกลับมาเล่าความตามลำดับการเดินทางเส้นทางสายยุโรปตะวันออกอีกครั้ง หลังจากที่กระโดดข้ามไปข้ามมา ไม่เป็นลำดับ อ่านแล้วงงว่าไปไหนก่อนหลัง

เช้าวันที่ 23 มีนาคม 2552 เดินทางถึงซูริค สวิสเซอร์แลนด์ หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย เราก็ออกจากสนามบินซูริค ที่หมายแรกคือที่เมือง ชาฟฟ์เฮาเซน ชมน้ำตกไรน์ น้ำตกใหญ่แห่งหนึ่งของแม่น้ำไรน์ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาแอลป์ แม่น้ำไรน์เป็นแม่น้ำสายสำคัญสายหนึ่งของสวิส เป็นแม่น้ำนานาชาติ เป็นเส้นทางการลำเลียงขนส่งระหว่างประเทศในยุโรปด้วย บางช่วงของแม่น้ำไรน์ยังเป็นพรมแดนระหว่างสวิสและเยอรมนี

เส้นทางจากสนามบินซูริคออกนอกเมือง ตอนเช้ารถก็ติดบ้าง แต่ไม่มากเหมือนกรุงเทพครับ









บนเส้นทาง ถนนดีมาก ตลอดเส้นทางมีอุโมงลอดใต้ภูเขา บางช่วงอุโมงยาวมาก บางอุโมงมีทางแยกข้างในอุโมงด้วย ที่เส้นทางเป็นแบบนี้เพราะว่าสวิสเป็นดินแดนที่อยู่บนเทือกเขาแอลป์ เป็นภูเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ ถนนหนทางบางครั้งต้องตัดผ่านภูเขาเป็นลูกๆ เจาะผ่านภูเขาไปเลยเพื่อย่นระยะทาง เส้นทางที่ไต่ตามไหล่เขาก็จะเห็นเส้นทางถนนที่สวยงาม แต่เผอิญว่าฤดูนี้เป็นฤดูหนาว ต้นไม้ก็เลยดูแห้งแล้งไปมาก เหลือแต่กิ่งก้านสาขาดำๆ มองไปคล้ายๆ ต้นไม้ปีศาจในภาพยนต์ หรือต้นไม้ปีศาจของแม่มด





ชั่วโมงเศษๆ เราก็เดินทางมาถึงชาฟฟ์เฮาเซน แวะชมน้ำตกไรน์ (ดูในรูปนะครับ)













ลงจากรถไปถ่ายรูปที่น้ำตก พอออกจากรถพวกเราก็ได้สัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นทันที ประมาณว่า 3 องศาเห็นจะได้ ทีแรกก็คิดว่าไม่เท่าไหร่ แค่นี้เอง แต่พออยู่ไปสักพักอากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นมากเลยครับ โดยเฉพาะมือสองข้าง ไม่มีอะไรห่อหุ้ม มือเริ่มเย็นมาก จนต้องซุกมือในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกง พอจะถ่ายรูปทีก็เอามือออกมาที ถ่ายรูปเสร็จก็เก็บมือใส่กระเป๋า ทำแบบนี้กันทุกคน บางคนก็เตรียมถุงมือมาครับ แต่ก็ไม่ค่อยสะดวกเวลาจะถ่ายรูป ไม่เหมือนมือเปล่าครับ

บนยอดเขาด้านขวาของน้ำตก จะเห็นเป็นป้อมปราการตั้งแต่สมัยโบราณ สมัยสงครามโลกเมืองแห่งนี้ก็ถูกโจมตีทำลายสะพานด้วย สะพานที่ใช้อยู่ปัจจุบันเป็นสะพานที่สร้างขึ้นมาใหม่









สองข้างของแม่น้ำไรน์ เป็นเส้นทางรถไฟ ใช้ในการลำเลียงขนส่งสินค้า รถไฟก็เป็นรถไฟที่ไร้มลพิษ เพราะเป็นรถไฟขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าครับ

เราอยู่ที่น้ำตกไรน์ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางต่อไปเมืองสไตน์อัมไรน์ อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกไรน์เท่าไรนัก เป็นเมืองที่อยู่ริมแม่น้ไรน์เหมือนกัน


เมืองสไตน์อัมไรน์ เป็นเมืองเก่า เมืองเล็กๆ บนแม่น้ำไรน์ ด้านหน้ามีหอนาฬิกาสูงเด่น ภายในเมืองเป็นตึกเก่า แต่ไม่เก่าเพราะเขาดูแลอย่างดี ไม่ปล่อยให้ทรุดโทรมเลยครับ









จุดเด่นสำคัญของเมืองนี้คือ ภาพสีบนผนังตึก ซึ่งทุกๆ ตึกจะมีการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพสี น่าจะเป็นภาพสีปูนเปียก เพราะภาพเก่าๆ ก็ยังคงอยู่มาจนทุกวันนี้ ภาพบนผนังเป็นภาพเกี่ยวกับศาสนาบ้าง เกี่ยวกับการกสิกรรม อาชีพของชาวเมืองบ้าง และยังมีภาพเกี่ยวกับการทำสงครามการรบต่างๆ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของชาวสวิสเซอร์แลนด์









กลางเมืองเมืองนี้จะมีจัตุรัส เป็นพื้นที่โล่งกว้างอยู่ตรงกลาง มีอนุสาวรีย์เล็กๆ ผมก็ไม่ทราบความหมายว่าหมายถึงอะไร ไกด์ก็ไม่ได้พูดถึง จึงน่าจะเป็นเพียงประดับให้สวยงามเท่านั้นครับ


ตึกแต่ละห้องปัจจุบันยังคงใช้ประโยชน์อยู่ บางห้องก็เป็นร้านขายของ บางห้องก็เป็นร้านอาหาร เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต เราก็เดินเข้าไปอาศัยความร้อนจากฮีทเตอร์ของร้านบรรเทาความหนาวเย็น


บางคนก็เดินต่อไปที่สะพานข้ามแม่น้ำ แต่ผมแยกออกไปเดินชมที่ริมแม่น้ำ ลมพัดมาทีหนึ่งหนาวเย็นมาก ไม่มีลมก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอมีลมมาทีหนาวมาก ก็เลยรู้แล้วว่าทำไมฝรั่งถึงต้องใส่เสื้อกันลม


เราออกจากสไตน์อัมไรน์เดินทางต่อไปยังเมืองลูเซิร์น ก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เรามีโปรแกรมทานอาหารกลางวันที่ลูเซิร์น ไกด์ก็เร่งเวลากลัวว่าจะทานอาหารกลางวันช้า

ไม่มีความคิดเห็น: